TWPC ติดโผ FTSE SET Shariah Index เริ่ม 21 มิ.ย.นี้ย้ำคุณภาพ บมจ. ชั้นนำ 

TWPC ติดโผ FTSE SET Shariah Index เริ่ม 21 มิ.ย.นี้ย้ำคุณภาพ บมจ. ชั้นนำ 

บมจ. ไทยวา (TWPC) ปลื้ม ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Shariah Index มีผลวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ตอกย้ำการเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ ช่วยยกระดับความน่าสนใจลงทุนของสถาบันทั้งในและต่างประเทศ  ฟากซีอีโอ "โฮ เรน ฮวา" ระบุว่าการเข้าไปอยู่ในดัชนี FSTSH จะช่วยสนับสนุนโอกาสในการขยายฐานผู้ลงทุนใหม่ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเพิ่มความน่าสนใจทำให้องค์กรเป็นที่รู้จักในระดับสากล ช่วยสนับสนุนการต่อยอดธุรกิจในอนาคต มุ่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ มั่นใจผลงานปีนี้โตทะลุเป้าหมายระดับ 10%

นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยวา (TWPC) เปิดเผยว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ประกาศผลการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยบริษัทฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี FTSE SET Shariah Index (FSTSH) ซึ่งเป็นดัชนีหลักทรัพย์ระดับนานาชาติ สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายฐานผู้ลงทุนใหม่ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเพิ่มความน่าสนใจทำให้องค์กรเป็นที่รู้จักในระดับสากล มีโอกาสช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจในอนาคตได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE SET Shariah Index ถือเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการลงทุนแบบยั่งยืน (Sustainability Investment) ที่คัดเลือกหลักทรัพย์จากดัชนี FTSE SET All-Share และผ่านการคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลาม โดยประกอบด้วยหุ้นที่มีสภาพคล่อง อีกทั้งเป็นการดำเนินธุรกิจมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) อีกด้วย โดยปัจจุบันมีกองทุนรวม 2 กองทุน ที่อ้างอิงตามดัชนี FTSE SET Shariah Index ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อิสลามิก ฟันด์ (MIF) และ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีอิสลามิกหุ้นระยะยาว (MIF-LTF)

"การได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Shariah Index (FSTSH) ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น และเป็นที่ยอมรับจากคู่ค้า ตลอดจนช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจในส่วนต่างๆ ตามแผนที่วางไว้แม้จะยังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน โดยได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่มีการใช้งาน การลงทุนเพิ่มกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ในโครงการผลิตพลาสติกชีวภาพ (ไบโอพลาสติก) เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานของธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นในระยะยาว

ส่วนแนวโน้มผลงานในไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ราคาแป้งข้าวโพดที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ลูกค้าหันมาใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นสินค้าทดแทน ในขณะที่ความต้องการแป้งมันสำปะหลังยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศจีนรวมถึงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คนละครึ่ง-เราชนะ-เรารักกัน ที่สนับสนุนให้ธุรกิจอาหารในประเทศยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับลูกค้าตลาดส่งออกยังเติบโตได้ต่อเนื่อง บริษัทฯยังคงมั่นใจว่าภาพรวมในปี 2564 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยรายได้ที่เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เทียบจากปีก่อน ประกอบกับการเติบโตของอัตราการทำกำไร เนื่องจากแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ในส่วนต่างๆ ขยายตัวในทุกธุรกิจอย่างชัดเจน

 

ข่าวเกี่ยวข้อง